
1. นอบน้อม ตกปากรับคำอย่างดี
แต่ไม่ตั้งข้อสงสัยก่อนทำหรือทำไม่ได้ วัฒนธรรมการนอบน้อมต่อผู้ที่สูงกว่าด้วยวัยวุฒิหรือคุณวุฒิก็ตาม
เป็นสิ่งที่ดีแต่ไม่ควรลามมาถึงระบบการทำงาน อย่าเอาหน้าไว้ก่อนแล้วต้องมาบ่นอุบทีหลัง
จงซื่อสัตย์กับตัวเองและคนอื่น มีข้อสงสัยอะไร หรือขัดข้องตรงไหน ให้รีบถาม โดยทันที
เพราะการทำงานต้องอาศัย teamwork ทุกคนล้วนแต่มีสิทธิมีเสียงเท่ากัน
2. คนไทยเป็นคนสบาย ๆ แต่ก็ไม่ควรสบายในเรื่องการนัดหมาย
ไม่ว่าจะนัดหมายให้มาถึงที่ทำงาน, นัดหมายส่งงาน หรือนัดพบตามธรรมดาก็ ตาม ม า ร ย า ท ที่พึงมีคือ
การมาก่อนเวลาหรือมาตรงเวลา แบบ “นัดสากล” อย่าเลทแล้ว พ ย า ย า ม หาข้อแก้ตัว
ทำตัวสบาย ๆ แบบ “นัดไทย” ถึงแม้ คุณและอีกฝ่ายจะยิ้มต่อกัน ก็ไม่ช่วยให้ความรู้สึกและความน่าเชื่อถือดีขึ้นมา
3. ก่อดราม่าเรียกคะแนนความเห็นใจ
ความส ง ส า ร เห็นใจเป็นนิสัยหนึ่งที่มนุษย์คนไหนก็มีเป็นธรรมดาเมื่อต้องเจอ เรื่องที่สะเทือนใจสุด ๆ
แต่ในการทำงานที่ต้องอาศัยความเด็ดขาด ตรงไปตรงมา น้ำตาไม่สามารถช่วยอะไรให้ดีขึ้นได้
ต่อให้คุณรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมจริง ๆ ก็ต้องมีวิธีพิสูจน์ที่ชัดเจน สอดคล้องกับกติกา
ของการทำงานมากที่สุดในทางกลับกัน หากมีใครมาขอความเห็นใจในการทำงานก็อย่าเพิ่งใจอ่อน
กฎต้องเป็นกฎ ถ้าไม่รักษาอย่างเคร่งครัดก็เตรียมรับผิดชอบความเสียหายที่จะตามมาในภายหลังให้ได้ด้วยนะ
4. นินทาเพื่อนร่วมงานเก่ง แต่ วิ พ า ก ษ์ วิ จ า ร ณ์ อย่างลับ ๆ
คันปากแค่ไหน อยากเม้าท์เพียงใด ขอให้มันเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือสถานที่ และเวลาในการทำงาน
การจับกลุ่มนินทานอกจากจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ต่อหน้าที่การงาน ยังเป็นการสร้าง ศั ต รู
โดยไม่จำเป็นอีกด้วย ถึงแม้คน ๆ นั้น จะต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ไม่สามารถเดาได้ว่ากำลัง
พูดอะไรอยู่ แต่อย่าลืมว่า สีหน้าและท่าทาง เป็นภาษาสากลที่ฟ้องได้ชัดเจนในทางกลับกัน ถ้าแน่ใจว่า
ไอเดียของตัวเองดีกว่าจริง ก็อย่าเจ๋งในที่ลับด้วยการแอบ วิ พ า ก ษ์ วิ จ า ร ณ์ อยู่ข้างหลัง
เสนอความเห็นกันตรง ๆ ซึ่งหน้าไปเลย ให้ พ ย า น คนอื่นช่วยตัดสินให้รู้ดำรู้แดงไปเลยว่าใครเจ๋งจริงใครโม้ไปวันๆ
5. ขี้เกรงใจ ขี้อาย สงบเสงี่ยมเจียมตัว พอใจในสิ่งที่มีอยู่
ถึงแม้การทำตัวเรียบร้อยจะทำให้เราดูน่ารักและความพอใจในสิ่งที่มีอยู่ จะเป็นเรื่องดีต่อชีวิต แต่อย่าลืมว่า
ในการทำงานที่อาศัย teamwork ก็ต้องการผู้กล้าหลายคนเพื่อผลักดันงานให้ก้าวหน้า
เก็บนิสัยรัก comfort zone นี้ไว้ในเรื่องส่วนตัวเถอะ เรื่องงานยังต้องการความทะเย อ ะ ท ะ ย า นต้องการความสามารถอีกเยอะนะ
6. อยากรู้อยากเห็น เรื่องคนอื่นน้อยลงก็ยังดี
เพราะเวลางานก็คือเวลางาน สิ่งที่ควรโฟกัสก็คือ จะทำอย่างไรให้งานเสร็จไวตรงเป้าหมาย
ได้คุณภาพ อะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัวค่อยไว้หลังเลิกงานก็ได้อย่าสร้างนิสัยเสียด้วยการแอบ
เปิดโซเชียลเช็คข่าวสักนิดนึงก็ยังดีถึงจะอัพเดทมากขึ้นมันก็เท่านั้น ไม่ช่วยให้ชีวิตก้าวหน้าขึ้นแต่อย่างใด
7. หวงสูตรหวงความรู้
ย้ำอีกทีว่าการทำงานต้องอาศัย teamwork นั่นก็แปลว่า แม้จะถูกมอบหมายให้เป็นหัวหน้างาน
ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องทำทุกอย่างเอง ด้วยตัวคุณเพียงคนเดียว ใครที่ด้อยกว่าเรา
ก็ฉุดให้เขาไปด้วยกัน จับมือกันทำงานด้วยบางทีความคิดเราเพียงคนเดียวก็ใช่ว่าจะวิเศษที่สุดเสมอไปก็ได้
8. ยิ้มหรือหัวเราะไปงั้น ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
หากเมืองไทยจะเป็น ส ย า ม เมืองยิ้ม แต่ในบริบทการสนทนากันโดยเฉพาะเรื่องงานที่ต้องการ แ ช ร์ ไอเดีย
เสนอความคิดเห็น ถ้าถูกจี้ให้ตอบก็ไม่ใช่ เรื่องเสียหายที่จะตอบไปตรง ๆ เลยว่าตอนนั้น
คุณคิดอะไรหรือไม่มีไอเดีย มันดีกว่ายิ้มหรือหัวเราะไปงั้น ๆ ที่เป็นท่าทีดูไม่ออกว่าคุณเห็นดีเห็นงามด้วย
หรือกำลัง หั วเราะเย าะกลบเกลื่อนอยู่ เลือกทำอะไรสักอย่าง ที่ชัดเจนจะดีกว่า
9. พย าย ามหาช่องทางซิกแซก
เพราะทางลัดเป็นสิ่งที่ใครหลายคนชอบเพราะมันไม่ต้องเหนื่อยมาก ทางลัดที่เป็นวิธีที่ไม่เอาเปรียบใคร
ไม่เบียดเบียนใครยังพอจะเรียกว่าเทคนิคได้ ยกเว้นการ พ ย า ย า มหาช่องทางซิกแซ็ก เช่น
การหาช่องโหว่ทาง ก ฎ ห ม า ย, หั ว ห ม อ ในกฎของบริษัทโดยลืมนึกถึงผลกระทบ
แบบนี้เขาเรียกกว่า “เห็นแก่ตัว”เพื่อเซฟตัวเอง และเซฟคนอื่น ควรทำให้ทุกอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา
ตรวจสอบได้จะดีที่สุดถึงบางอย่างจะเหนื่อยหน่อยที่หาทางลัดไม่ได้ แต่ผลลัพธ์มันก็น่าภูมิใจใสสะอาดอยู่เสมอ
10. สนใจแต่ความบันเทิง รื่นเริง
หากสนใจแต่เรื่องสนุกชีวิตก็จะมีมิติอยู่แค่ความสนุกแค่นั้น แต่ถ้าเปิดตาเปิดใจรับฟังข่ าว ส ารบ้านเมืองบ้าง
หาบทความดี ๆ อ่ า น บ้าง นอกจากจะได้ ไอเดียดี ๆ มาปรับใช้ในการทำงานให้พัฒนามากขึ้น
ชีวิตส่วนตัวก็จะดูดีขึ้นเยอะ จากการสนใจใฝ่รู้แต่เรื่องมีคุณภาพอีกด้วย
11. โชคลาง ความเชื่อสูงกว่าตรรกะความเป็นจริง
ความเชื่อส่วนบุคคลถึงแม้จะเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เสียหาย ไม่ทำคนอื่นเดือดร้อนแต่การเชื่ออะไรมาก
ไปก็ส่งผลต่อการทำงานได้ เพราะจิตเราดันไปเชื่อมั่นกับสิ่ง ที่มองไม่เห็น แทนที่จะโฟกัสที่สิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบัน
ตามความเป็นจริง ไม่มีใครว่า คุณหรอกถ้าคุณจะนับถือองค์เทพอะไร เชื่อในดวงแค่ไหนแต่ขอให้อยู่ในกรอบของความพอดีก็พอนะ
12. เต็มที่กับวันหยุด และสวัสดิการมากกว่าวันทำงานและการทำหน้าที่ของตัวเอง
พอถึงเวลาทำงานเมื่อใดก็แอบเข้าสายนิด ๆ ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม ทำงานแบบผัดวันประกันพรุ่ง
ชะล่าใจว่าเดี๋ยวเงินเดือนก็ออก เดี๋ยวก็เลิกงานแล้วแต่วันหยุดหรือเวลาเลิกงานกลับร่าเริงเต็มที่ ดึกเท่าไหร่ไม่ว่าขอให้ได้สนุกไว้ก่อน
ถ้าคุณใช้ชีวิตเต็มที่แบบ play hard, work hard ไม่มีส่วนใดมากกว่า ส่วนใดเกินไป ปัญหางานค้างหรือ
เวลาพักผ่อนน้อยแทบจะไม่มีในชีวิตเลย และไม่ต้องมาหัวเสียกับการบ่นแต่เรื่องงานซ้ำ ๆ เดิม ๆ อีกด้วย
อย่าทะนงตัวว่าเราดีกว่าคนอื่นเสมอไป ตราบใดที่เรายังต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นเราก็เป็นเพียงแค่หน่วยหนึ่งในสังคม
อันกว้างใหญ่เท่านั้น โลกนี้ใครก็มีสิทธิมีเสียงเท่ากันหมด แต่ใครจะมีคุณค่าเพียงใด
สำคัญที่การสร้างด้วยตัวเองไม่ใช่เสียงตอบรับจากคนอื่นเป็นหลัก
ขอบคุณ jeeb