
ดเหมือนว่าเรื่องเหล่านี้จะไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา เราต่างเห็นบริษัท
ทยอยปลดพนักงานออกเพื่อลดรายจ่ายไม่ค่อยรับพนักงานใหม่ พนักงานที่ได้อยู่ต่อ
ก็ต้องทำงานหนักกว่าเดิม ในบางครั้งต้องทำงานแทนตำแหน่งคนที่ลาออก
ในบางแห่งเริ่มแทนที่พนักงานด้วยหุ่นยนต์ ดังนั้นอย่าคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไป
ดังนั้น จึงมีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ เมื่อทั้งโลกเริ่มขยับเราก็คงต้องปรับตัวตาม ไม่งั้นเราจะอยู่ไม่ได้
1. คนที่ทำงานแบบเดิม ไม่อยากเปลี่ยนอะไร
เพราะหลายคนก็ชอบงานที่ทำแบบซ้ำๆในทุกๆ วันเพราะไม่ต้องคิดอะไรมาก
ให้ป วด หั ว เป็นการทำงานแบบหุ่นยนต์ ก็คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่
ที่วันหนึ่งจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ เพราะหุ่นยนต์ไม่เคยหยุดทำงาน ไม่อู้งาน
หรือเรียกร้องให้ขึ้นเงินเดือน ไม่ขอสวัสดิการอะไรเพิ่ม มันจะลดปัญหาได้ตามไปด้วย
2. ไม่หาความรู้เพิ่ม ยึดแต่ความรู้เดิม
โดยเฉลี่ยแล้วคนเรา จะใช้เวลาทำงานวันละประมาณ 8 ชม ซึ่งมีคนรู้จัก
ที่ได้ทำงานอยู่ในโกดังแห่งหนึ่ง หน้าที่ของเค้า คือ การเช็ คจำนวนสินค้าในคลัง
เป็นงานง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้ทักษะ หรือเสี่ ยงที่จะถูกหุ่ นย นต์มาแทนที่
แต่ในการทำงาน ปีแรกๆของเขามีของที่ถูกส่งมา เป็นจำนวนมาก
และหลังเลิกงาน เขาจะใช้เวลาในการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมหาความรู้เสมอ
และเขาก็ได้ค้นพบว่า ของบางอย่างนั้นมันเป็นที่ต้องการในตลาดอย่างมาก
และด้วยความที่เขาทำงานในวงการนี้อยู่แล้วไง มันจึงทำให้เขา หาแหล่งผลิต
ที่ได้ต้นทุ นในราคาถู กลง และเขาก็เริ่มสั่งสินค้ ามาขายในออนไลน์
แต่เขาก็ยังคงทำงานในโกดังเหมือนเดิม เวลาผ่านไป 3 ปี ธุรกิจค้าข ายออนไลน์
เติบโตขึ้นมาก ภายในเวลา 7 ปี เค้าก็สามารถเปิดกิจการ เป็นของตัวเองได้แล้ว
นอกเหนือเวลาทำงาน 8 ชม เค้ายังคงทำงานและเรียนรู้เพิ่มเติม นี่คือสิ่งที่ต่างจากคนอื่นๆ
คือเขาไม่เคยหยุดเรียนรู้ นอกจากเวลางานจึงทำให้เขาเติบโตไปได้ไกลกว่าคนอื่น
และด้วยยุคสมัยที่อินเตอร์เน็ตเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แหล่งหาความรู้เพิ่มเติมก็เข้าถึงง่ายด้วย
3. คนที่ทำงานร่วมกบคนอื่นไม่เป็น
มีบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่งกำลังรับสมั ค รพนักงานและมีผู้มาสมัครงาน 6 คน
คือก่อนรับเข้าทำงาน ทางบริษัทเขาก็ได้ให้เงินจำนวน 75 บาท กับผู้สมัครงานทั้ง 6 ไป
เพื่อนำเงินนั้นไปซื้อข้าวกินด้วยกัน แต่พอไปถึงร้านข้าวจานหนึ่ง อย่างต่ำก็ 15 บาท
เงินที่ให้มานั้นไม่พอให้คนละจาน พนักงานเหล่านั้นจึงพากันกลับไปที่บริษัทซะงั้น
พอไปถึงบริษัทประธานรู้เข้าว่า พวกเขากลับมามือเปล่า ประธานก็ถึงกับส่ายหัว
พูดออกไปว่า“ขอโทษด้วยผมรับพวกคุณเข้าทำงานไม่ได้ พวกคุณไม่เหมาะกับบริษัทเราเลยแม้แต่น้อย”
เหตุผลก็เพราะว่าร้านอาหารร้านมีโปรซื้อ 5 แถม1 แต่ทั้ง 6 คน ก็ไม่มีใครรู้
และไม่ถามอะไรร้านเลย หรืออ่านรายละเอียดไม่ครบ มันก็แสดงให้เห็นว่าไม่ใส่ใจ
ถึงแม้จะไม่มีโปรก็ยังสามารถซื้อข้าวมา 5 จาน แล้วแบ่งใส่เพิ่มอีก 1 จาน
แต่ผู้สมัครทั้ง 6 ไม่มีใครคิดว่ามาด้วยกัน ก็เลยจึงไม่มีความเป็นทีม มีแต่คิดถึงตัวเอง
4. คนที่ไม่มองไปข้างหน้า
เช่น นายดำและนายแดงได้เข้าไปฝึกงาน ที่บริษัทแห่งหนึ่งและเมื่อเรียนจบไปแล้ว
ก็ได้ไปทำงานในบริษัทนั้นแต่บริษัท ได้เสนอให้ทั้ง 2 คนไปศึกษาดูงาน ที่สำนักต่างประเท ศ
เป็นเวลา 2 ปี แต่ว่าเขาก็จะได้รับเงินเดือนแค่ครึ่งเดียว ไม่มีค่าคอมให้ด้วย
นายดำรู้สึกว่า เงินเดือนที่ได้นั้นมันน้อย มันไม่พอใช้จ่ายแน่ๆ ยังต้องลำบากไปใช้ชีวิต
ที่ต่างประเทศอีกเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ไปแต่ในขณะที่นายแดง ก็ได้ตัดสินใจไปศึกษา
งานที่ต่างประเท ศเพราะคิดว่า ได้ไปเพื่อหาประสบการณ์ก็คุ้มค่าแล้ว
หลังจากนั้นพอเวลาผ่านไป 2 ปี นายดำยังคงทำงานที่ตำแหน่งเดิมงกๆ เงินเดือนขยับ
ขึ้นมานิดหน่อยแต่ในขณะที่นายแดงหลังจากกลับมา ก็เป็นหัวหน้าคนใหม่ของบริษัท
มีรายได้หลักแสน ซึ่งมากกว่านายดำถึง 5 เท่า เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า นายดำก็ไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาด
หรือนายแดงตัดสินใจถูกแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะว่าทั้งคู่ ต่างเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง
แต่พอเวลาผ่านไปทุกอย่างจะเป็น สิ่งพิสูจน์ได้ว่า การตัดสินใจในอดีต
จะพาเราก้าวไปข้างหน้า ได้มากน้อยแค่ไหน มันก็อยู่ที่เราตัดสินมันเองนี่แหละ
5. คนที่ไม่รู้จักลงทุนในตัวเอง
หลายๆ คนมักจะถูกสอนให้รู้จักอดออมเพื่อที่วันข้างหน้า จะได้ไม่ลำบาก
แต่ไม่ค่อยสอนให้รู้จักหาเงินให้ได้ให้มากขึ้น และถ้าเราใช้เวลา 1 ปี
เพื่อให้มีเงินเก็บ 1 แสน นั่นก็เท่ากับว่า 10 ปีนั้นเราจะมีเงินเก็บ 1 ล้าน
แต่แบบนั้นมันไม่เก่งหรอกนะ เพราะคุณต้องใช้เวลาถึง 10 ปีเลย คือมันนานไป
ในขณะที่บางคนอาจจะหาเงินล้านได้ ภายในปีเดียวเท่านั้น เพราะงั้น สิ่งที่สำคัญกว่า
ในการนำไปสู่ความมั่งคั่งก็คือไม่ใช่การออมแต่เป็นการที่เรารู้จัก ลงทุนกับตัวเองให้ถูกทางต่างหาก
แล้วคุณก็จะได้กลับคืนมา มากกว่านั้นหลายเท่าตัวเลยล่ะ และบางคนจ่ายเงินเพื่อ
ไปเข้าฟิตเนส ออกกำลังกาย จนมีไอเดียและช่องทางที่จะทำธุรกิจของตัวเอง
ข ายอาหารเสริมสำหรับคนรักสุ ขภ า พ สิ่งเหล่านี้มันทำให้ได้เห็นโลก ที่กว้างขึ้นได้
เห็นธุรกิจใหม่ๆ ที่ต่างประเทศ ก็นำกลับมาต่อยอดที่บ้านตัวเอง
เวลามันจะช่วยบอกเราเองว่า เงินที่คุณลงทุ นไปกับตัวเอง มันทำให้คุณได้อะไรกลับมาบ้าง
มันทำให้คุณมีคุณค่าเพิ่มแค่ไหน หาเงินได้เยอะขึ้นหรือเปล่า
และมันจะเป็นการลงทุ นที่ประสบความสำเร็จ แต่หากมันจะไม่สำเร็จ
แต่มันก็จะให้ประสบการณ์ ที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้เลยนะ