
เรื่องมีอยู่ว่า นักธุรกิจชื่อดั งกล่าวว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาที่ทำธุรกิจ
เขามีเงินมากพอจน สามารถตระเวนซื้ อบ้าน และเขาก็มีบ้านได้มากกว่า 10 หลัง ตามหัวเมืองใหญ่ๆ
แต่ว่าในหนึ่งปี ก็ไม่ครบทุกหลังหรอก คนที่ได้นอนครบเกือบทุกหลังจะเป็น คนรับใช้ของเขา
ที่ได้อยู่ในคฤหาสน์หรู ในต่างจังหวัด ได้ใช้ชีวิตที่ดีอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
ได้สูดอากาศสดชื่น และงานบ้านที่ควรต้องทำ ก็ไม่มีให้ทำมากเพราะ เจ้านายไม่ค่อยได้มา
และขณะที่เศรษฐี ที่เป็นเจ้านาย กลับทำงานหนักงกๆ แต่ละวันเจอรถติดนานกว่าจะไปถึงที่ทำงาน
และอาศัยอยู่ในคอนโด ที่ขนาดไม่ได้ครึ่งหนึ่ง ของบ้านพักตากอากาศเลย นี่หรือ “ชีวิต” ที่เขาต้องเจอ
ขณะที่ชีวิตของเขา กำลังไปได้สวยเขาก็เริ่ม ป่ ว ย คือ “โ ร ค ม ะ เ ร็ ง” นั่นเอง เขามองเห็นสภาพ
ตัวเองนอนอยู่บนเตี ยง แล้วรู้สึกว่าเวลาในชีวิตน้อยลงทุกทีๆ และในช่วงแรกๆ ที่เขาไม่สบาย
ก็มีคนทยอยมาเยี่ยม ถามไถ่บ้าง แต่นานวันไปก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเลย แบบนั้นเขาจึงตัดสินใจว่า
จะขอจากโลกนี้ไป กับสภาพที่เป็นอยู่นี้ เพราะไม่อย ากให้ใครเห็น และวันหนึ่งตื่นขึ้นมา
ก็เกิดอาก ารบรรลุธร ร มขึ้นว่าแท้ที่จริงนั้นชีวิตนั้น ต้องการแค่ที่นอนเพียงพอแค่
รองรับแผ่นหลังได้ ส่วน“เงินนั้น ก็อยู่ในธนาคารชื่อเสียงก็เหมือนดั่งสายลม” ที่พัดมา และผ่านไป
ชีวิตเราไม่ต้องการอะไรมากมาย ต้องการแค่ ขอให้เคี้ ยวข้าวได้อร่อย
กลืนลงคอ ได้โดยไม่เ จ็ บ แค่อย ากเข้าห้องน้ำก็เดินเข้าได้ โดยไม่ต้องให้ใครคอยประคอง
ขอให้นอนลง ไปบนเตี ยงเต็มแผ่นหลัง โดยไม่โอดโอย ฉะนั้น เขาจึงตัดสินใจสละทุกอย่าง
เมื่อปล่อยลงปลงได้ ก็หายได้ และหนึ่งในล้านคนแหละนะจะโชคดีเช่นนี้ เพราะทุกวันนี้
เขาอยู่กับสิ่งที่มีความสุข อยู่กับชีวิตที่แสนจะเรียบง่ายไม่ต้องการอะไรเยอะแยะเหมือนเมื่อก่อน
เพราะเขาไม่สะสมทรั พย์สมบั ติอะไร สิ่งเดียว ที่เขาสะสมในตอนนี้ คือ การมีสุขภาพที่ดี
เหมือนที่เขาว่ากันไว้ว่า “คนอยู่บนสวรรค์ แต่เงินกลับอยู่ในธนาคาร”
สุขภาพที่แข็งแร ง แต่ก็ต้องบำรุง ไม่กระห ายแต่ก็ต้องดื่ มน้ำ
ว้าวุ่นแค่ไหน ก็ต้องปล่อยลงปลงได้ มีเหตุมีผลแต่ก็ต้องยอมคน
มีอำน าจแต่ก็ต้องรู้จักถ่อมตนให้เป็น ธุระยุ่งขนาดไหนแต่ก็ต้องพักผ่อน
ฉะนั้นแล้ว เรื่องกลุ้มไม่ต้องเก็บไว้ เวลาที่ยังจับมือไหว ให้เชิ ญเพื่อนมาสังสรรค์
ทำหน้าที่พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรย า เพื่อนที่ดีต่อไปให้ดีในเวลาที่อยู่ด้วยกัน และจงให้อภั ยกัน
ขอขอบคุณ เสถียร กิติรัตน์ ,ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง